ตอนที่ 73 : คำอวยพร
หน้าตึกเซโตนะมีรถราแล่นผ่านไปมาด้วยความเร็วสูงเพราะถนนค่อนข้างโล่ง ชายวันกลางคนนั่งรอคนที่นัดไว้อยู่ในรถพร้อมกับเปิดเพลงฟังไปด้วย ไม่นานนักก็เห็นคนที่ลักษณะน่าจะใช่คนที่เขานัดไว้เดินมาหยุดที่หน้าตึก
"ชะ ชะ ไชน์คุง!!" อารามดีใจทำให้เขาพุ่งออกไปนอกรถด้วยความรวดเร็ว เด็กหนุ่มใส่แว่นอันโตที่หยุดยืนที่หน้าตึกนั้นสะดุ้งเฮือกใหญ่พร้อมหันมาทางเขาด้วยสีหน้าตกใจและหวาดกลัวจนผิดปกติ
"เฮ้ย! ฉันเอง ๆ ยัมมี่ยัมมี่ไง" ชายที่ออกมาจากรถรีบตรงเข้าไปทัก เมื่อแนะนำตัวไปแล้วเด็กหนุ่มผู้นั้นจึงมีท่าทีอ่อนลงบ้าง
"นายเองหรือ" เขาตอบรับก่อนจะขึ้นรถไปตามคำเชิญ ชายวัยกลางคนไว้หนวดที่ใต้จมูก ทั้งหนวดและผมเริ่มมีผมขาวแทรกอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว พวกเขาพูดคุยราวกับสนิทสนมมานานปี ทว่าเมื่อเข้าใกล้เขตสำนักงานชายวัยกลางคนก็หยิบกระดุมแขนเสื้อสีทองขึ้นมาติดแล้วจึงเลี้ยวรถเข้าไปในที่จอดรถของที่ทำงาน
ภายในตึกสำนักงาน พวกเขาถูกตรวจอาวุธด้วยเซ็นเซอร์รอบประตูแล้วจึงถูกตรวจด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบอีกครั้งหนึ่ง กล้องของเด็กหนุ่มผู้สวมแว่นตาถูกยึดไปชั่วคราวเพื่อป้องกันข้อมูลเจ้าหน้าที่รั่วไหล เมื่อตรวจสอบและยืนยันบุคคลเสร็จเรียบร้อยแล้วพวกเขาทั้งคู่จึงได้รับอนุญาตให้ไปเข้าพบรองหัวหน้าหน่วยพิเศษซึ่งอยู่ภายในตึกแห่งนี้นั่นเอง
เมื่อผ่านด่านยามหน้าห้องอีกชั้นหนึ่งแล้วพวกเขาทั้งคู่จึงได้ก้าวเข้าไปยังที่หมายเสียที ภายในห้องนั้นเปิดไฟสีส้มเพียงไม่กี่ดวงแต่ห้องก็ค่อนข้างสว่างเพราะมีแสงจากภายนอกช่วยส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา บุคคลที่อยู่ในห้องนั้นเป็นชายผิวขาวที่ยังดูหนุ่มอยู่มาก เขาสวมสูทเข้ารูปแบบพอดีตัว ผมที่หวีจัดทรงแสกข้างนั้นเป็นสีทองประกาย
"โมโมนางะ ฮิโรชิครับ" ชายไว้หนวดเดินไปที่โต๊ะเพื่อรายงานตัวก่อนจะเหลือบไปมองเพื่อนที่พามาด้วยเป็นเชิงบอกให้เดินเข้ามาใกล้ ๆ
"ชิเรียวคุ ชิโซครับ" เด็กหนุ่มใส่แว่นพูดพลางโค้งตัวคำนับลงไปเสียเยอะจนรองหัวหน้าหน่วยพิเศษอดขำไม่ได้ แต่ก็ยังโค้งตอบกลับไปแล้วจึงยื่นมือขึ้นมาจับมือกัน
"อะไรกัน ทำเหมือนไม่เคยเจอกันไปได้" ชายผมสีทองเอ่ยปากพูดบ้าง ในตอนนั้นชิโซรู้สึกเหมือนมีสุนัขจิ้งจอกวิ่งผ่านตัวไปอย่างรวดเร็วเหมือนลมพัดวูบหนึ่ง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหมือนอำพันของชายตรงหน้าเขาเป็นประกาย รอยยิ้มมุมปากแลดูเจ้าเล่ห์พิกล
โยชิโนริ โอนิมง รองหัวหน้าหน่วยพิเศษ ด้วยวัยที่ยังดูหนุ่มแน่นทำให้เขารู้สึกแปลกใจตั้งแต่แรก เพิ่งจะมารู้ทีหลังจากปากของโมโมนางะที่เป็นเจ้าหน้าที่บุคคลว่าเป็นเพราะกรมตำรวจต้องการรองหัวหน้าที่เป็นวัยรุ่นมาช่วยงานหัวหน้าหน่วยที่กำลังนั่งควบหลายตำแหน่ง โอนิมงบังเอิญสร้างผลงานได้เยอะในตอนที่เขากำลังเฟ้นหาบุคคลอยู่ ผลงานก็เลยเข้าตาจึงได้มาเป็นรองหัวหน้าหน่วยพิเศษเพราะอย่างนี้เอง
"ตามสบายนะไชน์คุง เอ่อ...ชิ ชิเรียวคุ" โมโมนางะโค้งเล็กน้อยก่อนจะออกจากห้องไป ชิโซโบกมือลาเล็กน้อยโดยหวังว่าคืนนี้ชายวัยกลางคนผู้นี้จะเข้ามาคุยกับเข้าในโลกอินเตอร์เน็ตอีกเหมือนทุก ๆ วัน ว่าแต่ตาลุงหนวดนี่น่ะหรือที่ใช้ชื่อในโลกออนไลน์ว่ายัมมี่ยัมมี่...ชิโซเพิ่งจะนึกสงสัยขึ้นมา
เขาล้มลงนอนบนโซฟาสีเทาแบบเดียวกับที่โอนิมงชอบมาแอบนอนในห้องของเขาที่กรมตำรวจ เหมือนจะไม่ได้เจอชายคนนั้นมานานแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะโดนย้ายมาเป็นรองหน่วยพิเศษเสียแบบนี้
ชิโซไม่ชอบพบเจอผู้คน ฐานะที่บ้านค่อนข้างดีแต่พ่อแม่ไปอยู่ที่ต่างประเทศแล้วส่วนเขาไม่อยากไปไหนไกล ๆ จึงขออยู่ที่บ้านคนเดียว เมื่อเข้ามาทำงานเป็นนักถอดรหัสให้กรมตำรวจก็เลยมาอาศัยอยู่ในที่ทำงานเสียเลยจะได้ไม่ต้องเดินทางไป ๆ มา ๆ บ้านเดิมก็ยังคงอยู่แต่ว่าไล่คนรับใช้ออกไปหมดแล้ว ข้าวของเครื่องใช้พ่อกับแม่ก็ส่งคนมาขนไปที่ต่างประเทศเพื่อป้องกันการถูกโจรกรรม
เมื่อตั้งหน่วยพิเศษเพื่อความมั่นคงขึ้นมาด้วยเรื่องของนักศิลปฆาตกรรม นักถอดรหัสอย่างเขาจึงต้องตามมาทำงานด้วย จริง ๆ แล้วปกติก็ไม่ค่อยมีคดีอะไรที่จำเป็นต้องถอดรหัสอยู่แล้ว ยกเว้นคดีของพวกนักศิลปฆาตกรรมนี่แหละที่ชอบเล่นลิ้นแกล้งเอาปริศนานั่นนี่มาใส่ในงานอยู่เรื่อย แต่ก็ดี...อย่างไรที่เขามาทำงานนี้ก็เพราะรู้สึกเบื่อเกมที่มีอยู่ในท้องตลาดเต็มทนแล้ว มีแต่งานนี้เท่านั้นที่มีปริศนาใหม่ ๆ มาให้ขบคิดเสมอ
เขาย้อนนึกกลับไปเมื่อครู่ โอนิมงที่ปกติก็เป็นคนท่าทางหยิ่งยะโสอยู่แล้วก็ยิ่งดูผยองขึ้นไปอีกเมื่อได้ตำแหน่งหน้าที่ที่ดีขึ้น เขาลอบถอนหายใจแล้วถอดแว่นอันโตออกเพราะรู้สึกปวดตา ในใจก็ยังนึกถึงรอยยิ้มที่ดูจองหองเช่นนั้นอยู่จนติดตา
เป็นเวลาหลายเดือนหลังจากนั้นเขาก็สำนึกได้ว่าโอนิมงยังเสเพลไม่เปลี่ยนเลย เวลามีงานก็ทำได้ดีอยู่หรอก แต่พอเลิกจากงานแล้วบางครั้งก็จะไปดื่มเสียจนเมาเต็มที่ บางทีก็ควงสาวออกไปจากตึกเลยก็มี เขาไม่ค่อยเข้าใจความสัมพันธ์แบบนั้นเท่าไรนัก คนส่วนใหญ่ที่ไปกับโอนิมงก็น่าจะรู้อยู่แล้วแท้ ๆ ว่าเจ้านั่นเจ้าชู้ขนาดไหน ชิโซไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนแบบนี้ถึงได้มีเพื่อนเยอะแล้วยังมีคนมาชอบเยอะอีกต่างหาก
เวลาไปดื่มเหล้าจนเมาแทนที่จะกลับบ้านกลับช่อง โอนิมงก็จะบุกเข้ามาห้องเขาแล้วก็มาหลับตรงโซฟา รบกวนความสงบของเขามากแต่เขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะพุ่งเข้าไปโวยวายไล่ตะเพิดแม้ว่าใจจริงจะอยากทำอย่างนั้นก็ตาม นอกจากตอนเมาแล้วยังชอบแอบมานอนกลางวันอีกต่างหาก ช่วงหลังเวลาเจ้าหน้าที่คนอื่นตามตัวโอนิมงไม่เจอก็จะมาหาที่ห้องของเขา วุ่นวายจริง ๆ ชิโซคิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็ได้แต่ทำหน้านิ่ง ๆ พลางถอนหายใจเป็นระยะ
"ชิโซ เห็นโอนิจังหรือเปล่า" โมโมนางะโผล่หน้าเข้ามาในห้องแล้วส่งเสียงทัก เด็กหนุ่มสวมแว่นตาที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ถอนหายใจพลางส่ายหน้า หลังจากโมโมนางะออกไปก็มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนบ้างล่ะ ฝ่ายสอบสวนบ้างล่ะ ท้ายสุดก็ฝ่ายปราบปราม
"ชิโซ เห็นโอนิจังบ้างไหม" ริงโกะยื่นหน้าเข้ามาในห้องพร้อมกับชิโซที่ฟิวส์ขาดผึง เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้านิ่ง ๆ
"เขาไม่ได้มาที่นี่ทุกวันหรอกนะครับ ทำไมใคร ๆ จะหาเขาก็ต้องมาหาที่ห้องผมด้วย" มันหนวกหูและทำลายความสงบในห้องของฉันมาก เข้าใจไหมไอ้พวกสมองเบาปัญญา...เด็กหนุ่มลอบด่าในใจอย่างสุภาพเป็นที่สุด
ริงโกะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะถือวิสาสะเข้ามายืนในห้อง เธอสวมชุดหนังสีขาวที่มีรอยคราบเลือดติดอยู่บ้างเล็กน้อย ชิโซทำหน้าเฉยแต่ในใจรู้สึกขยะแขยงพิกล
"...นายไม่ได้เป็นคู่ขาหมอนั่นหรอกหรือ" หญิงสาวกระซิบเสียงค่อย เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกแว่นแทบหลุดจากใบหน้า
"คนแบบนั้นผมไม่...!" ชิโซรีบปฏิเสธแล้วก็ชะงักคำไปเล็กน้อย "ทำไมถึงได้คิดแบบนั้น...ผมเคยเห็นแต่เขาควงผู้หญิงนะ"
"แหม นายไม่เคยเห็นหมอนั่นควงหนุ่มหลังจากเสร็จงานดึกน่ะสิ" ริงโกะพูดแล้วหัวเราะเหอ ๆ "แต่ส่วนใหญ่จะไปสนุกกันมากกว่าคบกันจริงจัง ฉันถึงได้สงสัยว่านายมีอะไรดี เขาถึงได้มาหาบ่อย ๆ"
"...คุณหึงหรือครับ" เด็กหนุ่มขยับแว่นตาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม หญิงสาวทำตาโตอย่างดุดันแล้วขึ้นเสียงราวกับโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
"ใช่ซะที่ไหนล่ะ! ฉันกับหมอนั่นเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นนะ!" ริงโกะถอนหายใจแรง ๆ แล้วยกมือขึ้นเท้าเอว ชิโซทำเป็นไม่สนใจแล้วนั่งเท้าคางเล่นเกมคอมพิวเตอร์ต่อ ริงโกะเห็นอีกฝ่ายไม่ว่าอะไรจึงเอาหลังพิงประตูก่อนจะพูดเสียงอ้อมแอ้ม
"เขา...เล่าให้นายฟังหรือเปล่า เรื่องพี่สาว"
"...มีพี่สาวด้วยหรือครับ" เด็กหนุ่มพูดขึ้นเหมือนสนใจ
"เขาหลงรักพี่สาวของตัวเองน่ะ" หญิงสาวแฉความลับของเพื่อนออกมาตรง ๆ เด็กหนุ่มผู้สวมแว่นตาสะดุ้งเฮือกแล้วหันไปหาเธอทันที ริงโกะไม่ยอมสบตากับเขา เธอเหลือบสายตาไปทางโซฟาสีเทานั้นแทน
"เรื่องผิดศีลธรรมแบบนั้น..."
"ก็เพราะเป็นเรื่องผิดศีลธรรมน่ะสิ หมอนั่นถึงได้ไม่กล้าทำ แล้วก็ไปลงอารมณ์กับคนอื่นแทน" เธอพูดต่อ "เขาน่าสงสารออกนะ...แล้วช่วงนี้ก็ผิดปกติ ชอบมาหมกตัวอยู่กับนาย ทั้งที่...ไม่ได้ทำอะไรกันเลยน่ะหรือ"
ชิโซนิ่งงันพร้อมมีใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย คุณริงโกะพยายามจะพูดอะไรกันแน่นะ
"...ปกติก็ไม่เห็นเขาพูดหรือว่าเล่าเรื่องนั้นเลยนี่ครับ คุณริงโกะเอามาพูดแบบนี้มันจะ..."
"ไม่เป็นไรหรอก...ถ้านายรู้เรื่องของเขาบ้างก็ดีเพราะช่วงนี้เขาอยู่กับนายบ่อย ๆ แปลว่าเขาอยากให้นายปลอบล่ะมั้ง"
"ปลอบ" ชิโซหน้าแดงระเรื่อเพราะดันไปนึกถึงความหมายที่ไม่ค่อยดีขึ้นมา เขารีบส่ายหน้า บางทีริงโกะอาจจะหมายถึงให้อยู่เป็นเพื่อนเหมือนที่เธอทำแบบนั้นก็เป็นได้
"หมอนั่นไม่มีปัญหากับพี่หรอก มีแต่ปัญหาในใจตัวเองเวลาที่ต้องอยู่กับพี่มากกว่า พอถึงเวลาแบบนั้นก็จะต้องหาใครสักคนมาอยู่ใกล้ ๆ เหมือนเด็กขาดความอบอุ่นเลยเนอะ" หญิงสาวพูดพึมพำพลางหยิบขนมในกระเป๋าขึ้นมากิน เธอหันไปหยิบให้เด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องแต่เขาโบกมือปฏิเสธ
"ถ้าเกิดเขาพูดจาร้ายกาจขึ้นมาเมื่อไรล่ะก็ แสดงว่ากำลังทุกข์ใจไม่ก็รู้สึกไม่ไว้วางใจ ดูออกง่ายมาก ๆ เลยล่ะ"
ชิโซหันไปยิ้มให้เธอเหมือนจะเห็นด้วย บางทีเขาก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนที่จะมีคนเปิดประตูเข้ามา เป็นโอนิมงที่เธอกำลังหาอยู่นั่นเอง
"อ้าว! โอนิจัง หายไปไหนมา"
"โทษที ๆ วันนี้เป็นอะไรไม่รู้โดนเรียกตัวตลอดเลย" ชายหนุ่มผมสีทองหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเปิดทางให้เพื่อนสาวเดินออกมานอกห้อง ระหว่างนั้นเขาหันไปยิ้มให้ชิโซด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เช่นเดิมแล้วจึงปิดประตูเดินตามออกไป
"นี่ ๆ" ริงโกะแบมือไปทางโอนิมงแล้วทำหน้าบุ้ยใบ้ระหว่างที่เดินไปทางห้องทำงานของโอนิมงเอง ชายหนุ่มยิ้มมีเลศนัยก่อนจะยื่นธนบัตรพันเยนให้
"งกจริง ๆ เลยนะเธอนี่ กับเพื่อนยังคิดเงินไปได้..." เขาบ่นเล็กน้อยแต่ไม่ได้มีท่าทีเอาจริงอะไร
"ฉันอุตส่าห์ช่วยพูดให้นะยะ ยังจะบ่นอีก เด็กคนสำคัญของกรมตำรวจก็เลยไม่กล้าทำอะไรรุนแรงถึงได้กะจะใช้วิธีเรียกร้องความสงสารล่ะสิ" เธอแฉเป็นฉาก ๆ โอนิมงรีบส่ายหน้าแล้วยิ้มระรื่น เกลียดคนรู้ทันจริง ๆ เลยเชียว...